ตาแห้ง เป็นปัญหาที่ไม่ว่าใครต้องเคยเจอกันมาบ้าง กับอาการที่ความชุ่มชื้นของดวงตาไม่เพียงพอทำให้เกิดการระคายเคืองหรือแสบตา ซึ่งแม้จะไม่ใช่อาการร้ายแรงอะไรแต่ก็ไม่ควรละเลยเพราะรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันแถมยังเสี่ยงทำให้เกิดปัญหาด้านสายตาอื่นๆ ตามมาได้อีก ดังนั้นครั้งนี้เรามาทำความรู้จักกับ ตาแห้ง กันว่าตาแห้งเกิดจากอะไร อาการไหนที่บ่งบอกว่ากำลังเป็นตาแห้ง พร้อมแนะนำวิธีแก้ตาแห้งที่ทำได้ด้วยตัวเอง
ตาแห้ง คืออะไร
ตาแห้ง(Dry Eyes) เป็นภาวะที่ความชุ่มชื้นของตาไม่เพียงพอจนทำให้มีอาการระคายเคืองที่ดวงตา แสบตา ตาสู้แสงไม่ได้ หรือลืมตายากในช่วงเช้า แม้อาการเหล่านี้ไม่อันตรายแต่ว่าหากปล่อยไว้จะทำให้เกิดภาวะที่ไม่ดีตามมาไม่ว่าจะเป็นทำให้สายตาสั้นเร็วขึ้น วุ้นในม่านตาเสื่อมเร็ว เนื้อเยื่อตาถูกทำลาย หรือรุนแรงถึงขั้นตาบอด ซึ่งปัจจุบันคนที่มาอาการตาแห้งพบได้มากขึ้นจากการใช้คอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือเป็นเวลานาน
ตาแห้งเกิดจากอะไร
- ตาสร้างน้ำตาได้น้อยกว่าปกติ
- ดื่มน้ำน้อย
- การอ่านหนังสือเป็นเวลานาน
- ใช้คอมพิวเตอร์ หรือโทรศัพท์มือถือนาน
- อากาศแห้ง
- ลมพัดเข้าตา
- การใส่คอนแทคเลนส์
- การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน
- การขาดวิตามินเอ
- การใช้ยาบางชนิด
อาการตาแห้ง
หากมีอาการเหล่านี้ถือว่ากำลังเกิดภาวะตาแห้ง สำหรับใครที่มีอาการติดต่อกันเป็นเวลานานให้เข้ารับคำแนะนำและรักษาจากจักษุแพทย์
- ระคายเคืองตาตลอดเวลา โดยเฉพาะตอนกระพริบตา
- ตาพร่ามัว
- ตาแดง หรือตาล้า
- ตาแพ้แสงแม้ไม่ได้พึ่งออกจากที่มืด
- มีเมือกเป็นเส้นเวลามองสิ่งต่างๆ
วิธีแก้ตาแห้ง
- หากใช้สายตานานๆ ทุก 1 ชั่วโมงให้พักหลับตา 1 ถึง 2 นาที
- กระพริบตาบ่อยๆ เพื่อให้น้ำตาเคลือบตา
- ไม่ใส่คอนแทคเลนส์เกิน 8 ชั่วโมง
- ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อวัน
- ใส่แว่นกันแดดเมื่อแดดแรง หรือใส่แว่นกันลมเมื่อมีลมแรง
- ใช้น้ำตาเทียมเมื่อเคืองตา
- กินอาหารที่มีวิตามินเอ
สรุปเรื่อง ตาแห้ง
อาการตาแห้งเกิดได้จากหลายสาเหตุไม่ว่าจะจากน้ำตาผลิตได้ไม่เพียงพอ อากาศแห้ง หรือการจ้องบางสิ่งนานๆ ที่ทำให้ความชุ่มชื้นของตาลดลง แม้ไม่เป็นอันตรายแต่หากปล่อยไว้ตาจะเสื่อมเร็วกว่าปกติแถมยังเสี่ยงตาบอด ดังนั้นเราควรดูแลรักษาให้ดีด้วยการดื่มน้ำให้เพียงพอ ลดการจ้องจอโทรศัพท์มือถือลง พักสายตาเป็นระยะๆ และใช้แว่นเมื่อจำเป็นต้องออกที่แดดแรงหรือลมแรง เท่านี้ตาแห้งก็ไม่เกิดแล้ว แต่หากทำตามคำแนะนำแล้วยังมีอาการตาแห้งอยู่หรือมีอาการมานานหลายวันแล้ว แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อตรวจรักษาให้ถูกวิธีจะดีที่สุด ครั้งหน้าจะเป็นเรื่องอะไรติดตามได้เลยที่ lookhealthy.live