จากครั้งที่แล้วเราได้พูดถึง มื้ออาหารที่สำคัญที่สุดต่อร่างกายในเรื่อง อาหารเช้า กันไปแล้ว ครั้งนี้จะมาพูดถึงอีกเรื่องสำหรับการดูแลสุขภาพ และเหมาะกับคนกำลังมองหาวิธีลดน้ำหนักในเรื่องการ ทำ IF ซึ่งเป็นอีกวิธีการลดน้ำหนักที่หลายคนอาจไม่เคยได้ยิน แต่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะสามารถสลายไขมันในร่างกายได้ค่อนข้างเร็ว และยังช่วยให้ดูอ่อนกว่าวัยได้นานยิ่งขึ้นอีกด้วย ว่าแต่วิธี ลดน้ำหนักแบบ if นี้จะเป็นอย่างไรไปดูกัน
การ ทำ IF (Intermittent Fasting) คืออะไร
ทำ IF หรือ Intermittent Fasting คือ การกำหนดช่วงเวลาการอดอาหาร และการกินอาหารเพื่อการลดน้ำหนัก ซึ่งกำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ โดยการทำ IF ถูกคิด และนำใช้นานมากกว่า 10 ปีแล้ว ซึ่งประโยชน์หลักๆ ของการทำคือ ระบบเผาผลาญพลังงานในร่างกายจะสูงขึ้น ทำให้ไขมันที่สะสมตามส่วนต่างๆ ของร่ายกายลดลงไปด้วย โดยที่ไม่มีผลทำให้มวลกล้ามเนื้อลดลงเหมือนการอดอาหาร และยังส่งผลช่วยให้ห่างไกลจากโรงเบาหวาน หรือโรคที่เกี่ยวกับไขมันอีกด้วย โดยจะกำหนดช่วงเวลาการกิน และการอดอาหารออกเป็น 2 ช่วง คือ
- ช่วงการกิน (Feeding) – ใน 1 วันมีเวลา 8 ชั่วโมงในการกินอาหาร (นับต่อเนื่องกัน เช่น 6:00 น. ถึง 14:00 น.) หลังจากนี้จะงดอาหารทั้งหมด
- ช่วงการอด (Fasting) – ใน 1 วันช่วงการอดอาหารจะยาว 16 ชั่วโมง ซึ่งจะต้องไม่รับอาหาร หรือพลังงานเข้าไปเพิ่มเติม หรือ ดื่มน้ำเปล่าเท่านั้น

** แต่การทำ IF จะต้องทำควบคู่กับการควบคุมอาหารด้วย เพราะหากกินมาเกินไปในช่วงการกิน ก็จะทำให้ได้รับพลังงานมากเกินไปจนไม่เกิดผลอะไร หรือหากกินน้อยกินไปก็จะส่งผลเสียต่อสุขภาพในเรื่องสารอาหารที่ไม่เพียงพอต่อร่างกาย ดังนั้นต้องกินให้พอดี และทำอย่างมีวินัยเพื่อให้ได้ผลมากที่สุด การกำหนดช่วงเวลาต้องตั้งตามนาฬิกาชีวิตเพื่อให้เหมาะกับกิจวัตรประจำวันของตัวเองอีกด้วย
ประโยชน์ของ ลดน้ำหนักแบบ IF
- กระตุ้นระบบเผาผลาญในร่างกาย ไขมันสะสมลดน้อยลง
- ลดความเสี่ยงโรคอ้วน โรคหัวใจ และโรคเกี่ยวกับความดันโลหิต
- ร่างกายตอบสนองต่ออินซูลินได้ดีขึ้น ลดความเสี่ยงโรคเขาหวานลง
- ภูมิคุ้มกันในร่างกายดีขึ้น สุขภาพแข็งแรง
- ร่างกายมีเวลาซ่อมแซมตัวเองมากขึ้นในช่วง Fasting
สาเหตุของการทำ IF แล้วไม่ได้ผล
- อดอาหารมากเกินไปเพราะอยากเห็นผลเร็วทำให้เสียสุขภาพ ขาดสารอาหาร
- รับประทานมากเกินไปในช่วงเวลากิน ทำให้ได้รับพลังงานมากเกินไป
- ติดการกินรสหวาน หรือรับน้ำตาลมากกินไปในช่วงกิน
- ไม่ออกกำลังกาย ทำให้กล้ามเนื้อที่ช่วยเผาผลาญพลังงานไม่ถูกสร้างขึ้นมา
- เลือกเวลาการกิน และการอดไม่เหมาะกับการใช้ชีวิต ทำให้เสียสุขภาพ
- กินจุบกินจิบแก้หิวในช่วงอด หรือดื่มของที่มีน้ำตาลเป็นส่วนประกอบ
สรุปเรื่องการ ทำ IF
การทำ IF คือการควบคุมอาหารเพื่อการลดน้ำหนัก โดยจำกัดเวลากินเป็นประมาณ 8 ชั่วโมง และเวลาอดเป็น 16 ชั่วโมงต่อวัน ซึ่งในช่วงอดต้องไม่รับอาหาร น้ำตาล หรือสารให้พลังงานใดเข้าสู่ร่างกาย ซึ่งการทำวิธีนี้จะทำให้ระบบเผาผลาญพลังงานในร่างกายทำงานดีขึ้น ไขมันสะสมในร่างกายลดลง แต่จำเป็นต้องมีวินัยในตัวเองอย่างมาก ควบคู่ไปกับการออกกำลังกายเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด หากทำได้รับรองได้เลยว่าน้ำหนักลดลงอย่างแน่นอน สำหรับคนที่สนใจลองนำไปใช้กันได้เลย
เครดิตภาพปก : Image by rawpixel.com on Freepik